11/7/54

36.ดนตรีผ่อนคลาย

 คลิกฟังออนไลน์ :

01.Create Success [Anytime].

 คลิกฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 02.Create Success

 คลิกฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 01.Attract Love [Anytime].

 คลิกฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 02.Attract Love

 คลิกฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 01.Introduction to Kundalini

 คลิกฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 02.Instructions for Specific Breathing

 คลิกฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 03.30 Minute Guided Meditation

 คลิกฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 01.Brain Massage [Anytime].

 ฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 02.Brain Massage [Headphone].

 ฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 01.Brain Power[Music + Brainwaves].

 คลิกฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 02.Brain Power[Ambience + Brainwaves].

 คลิ๊กฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 01.Deep Insight - Ambience

 คลิกฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 01.Deep Learning [Music + Theta Frequencies].

 คลิกฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 02.Deep Learning[Ambience & Theta Frequencies].

 คลิกฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 01.Deep Meditation

 ฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 01.Deep Sleep

 ฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 01.Faith

 ฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 01.Fulfill Your Heart's Desire

 ฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 01.Guided Meditation

 ฟังออนไลน์ :

Brain Sync - 01.Guided Relaxation - Guided Relaxation


bandonradio

10/7/54

34.ความสัมพันธ์ระหว่างวรรณกรรมคำสอนทั้ง2


K%20-%20Silkroad%20III

๒.๑๑   สังคหวัตถุธรรม
         คือ  หลักธรรมที่บำเพ็ญการสังเคราะห์หรือธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวใจคน  และประสานประโยชน์ของหมู่ชนให้สามัคคีกัน  4  อย่าง ดังต่อไปนี้
๑)  ทาน  การให้ปัน  คือการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  เสียสละแบ่งปันช่วยเหลือสงเคราะห์กันด้วยปัจจัยสี่  จะเป็นทั้งทรัพย์หรือความรู้ตลอดถึงศิลปวิทยา
๒)  ปิยวาจา  พูดให้คนรักกัน  คือการกล่าวคำสุภาพ  ไพเราะน่าฟัง  ชี้แจ้งแนะนำประโยชน์มีเหตุมีผลประกอบหรือคำแสดงความเห็นอกเห็นใจ  ให้กำลังใจ  พูดสมานสามัคคีเกิดไมตรีทำให้รักใคร่นับถือและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
๓)   อัตถจริยา  ทำประโยชน์แก่เขา  คือช่วยเหลือด้วยแรงกายหรือการบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ  รวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาและช่วยปรับปรุงส่งเสริมในด้านจริยธรรม
๔)  สมานัตตตา  เอาตัวเข้าสมาน  คือทำตัวให้เข้ากับเขาได้วางตนเสมอต้นเสมอปลายและเสมอในสุขทุกข์คือ ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมแก้ไขปัญหาเพื่อประโยชน์สุขร่วมกันกล่าวคือ  ช่วยด้วยทุนทรัพย์  ช่วยด้วยถ้อยคำ  ช่วยด้วยกำลังกาย200
        ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นการบริหารในแนวพุทธศาสนา  ในแต่ละประเทศย่อมมีการปกครองที่ต่างกันไปบ้าง  หรือบางประเทศก็มีประชาชนเป็นฝ่ายบริหาร( ระบอบประชาธิปไตย) ที่มีประธานาธิบดีเป็นฝ่ายบริหารบ้าง  หรือมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารบ้าง  โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์พระประมุขบ้างในการปกครองบ้านเมือง  นั้นเป็นการปกครองในระบอบสมบูรณาสิทธิราชการบริหารราชการแผ่นดิน  ดังนั้นหลักธรรมที่กล่าวมานั้นนอกจากทศพิธราชธรรม  จักรวรรดิวัตรธรรม  และหลักอคติแล้วยังมีหลักพรหมวิหารธรรมเป็นต้น

๒.๑๒   หลักสามัคคีธรรม
       คือหัวใจของการที่จะเป็นผู้นำของคนได้  พระพุทธศาสนาได้แสดงหลักการไว้ใน  สาราณียธรรม  6  ดังนี้คือ
๑)  เมตตากายกรรม  ทำต่อกันด้วยเมตตา  คือมีไมตรีต่อกันกับเพื่อนร่วมงาน  ร่วมกิจการ  ร่วมชุมชนด้วยการช่วยเหลือกิจธุระต่างๆด้วยความเต็มใจ  นับถือกันทั้งต่อหน้าและลับหลังหรือนับถือกันตามระดับวัยวุฒิ คุณวุฒิ
๒)  เมตตาวจีกรรม  พูดต่อกันด้วยเมตตาธรรม  คือช่วยตักเตือนกันด้วยความหวังดี  กล่าววาจาสุภาพแสดงความเคารพนับถือกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง
๓)  เมตตามโนกรรม  คิดต่อกันด้วยเมตตาธรรม  คือการปรารถนาดีและคิดทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่กัน  มองกันในแง่ดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง
๔)  สาธารณโภคี  ได้มาแบ่งปันกันกินแบ่งกันใช้  คือแบ่งปันลาภผลที่ได้มาโดยชอบธรรมแม้เป็นของเล็กน้อยก็แจกจ่ายให้ได้มีส่วนในการใช้สอยบริโภคทั่วกัน
๕)  สีลสามัญญตา  ประพฤติให้ดีเหมือนเขา  คือมีความประพฤติสุจริตดีงาม  รักษาระเบียบวินัยของหมู่คณะ  ไม่ทำตนเป็นที่น่ารังเกียจหรือเสื่อมเสียแก่ส่วนรวม
๖)  ทิฏฐิสามัญญตา  ปรับความเห็นให้ตรงกัน  คือเคารพในความคิดเห็นของคนอื่นยอมรับฟังความคิดของผู้อื่น  ตกลงกันได้และยึดถืออุดมคติร่วมกันเป็นจุดหมายสูงสุด201

วรรณกรรมอีสาน
๒.๑๓  สั่งสอนให้เมาในยศศักดิ์
        เมื่อได้เป็นผู้ใหญ่มีบริวารห้อมล้อมสมบูรณ์ด้วยข้าวของเงินทอง  อย่างได้พูดจาโอหัง  ให้รู้จักผ่อนหนักเป็นเบา  และให้รู้จักแบ่งปันความสิ่งของให้แก่ลูกน้องและบริวารอื่นๆด้วย  เวลาเกิดภัยอันตรายมาบริวารจักได้ช่วยกันป้องภัยให้  ดังคำกลอนว่า
        คันว่าเฮาหากได้        ทรงอาจเป็นขุน
        มวลทาสา        แห่แหนหลังหน้า
        อย่าได้วาจาเว้า        ยอโตโอ้อ่ง
        พลไพร่พร้อม        เมืองบ้านจึ่งบาน
        ยามเมื่อเฮาหากได้    ผ้าผ่อนแพรพรรณ
        โภชนังมี        พร่ำมวลเงินใช้
        จ่งได้ปุนปันให้        ทาสาน้องพี่
        แลเหล่ามิตรพวกพ้อง    สหาแก้วแก่นเกลอ
        ยามเมื่อต้อง        ภัยเภทอันตราย
        ทั้งมวลจัก        ช่วยปองปุนป้อง
        เทียมดั่งเฮือนเฮาสร้าง    หลังสูงกว้างใหญ่
        ยังเอาเสาแก่นไม้        มาล้อมแวดวัง202

       ๒.๑๔   สั่งสอนให้รู้จักการช่วยเหลือกัน
       การพึ่งพาอาศัยกันไม่ว่าชายหรือหญิง  ไพร่ผู้ดีมีหรือจนต่างต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน  คนมีก็ช่วยเหลือคนจนด้วยการแบ่งปัน  ผู้ใหญ่ก็ช่วยเหลือเด็กด้วยการคุ้มครองป้องกัน  ท่านอุปมาไว้เหมือนดังน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า  ดังคำกลอนดังนี้คือ
        มวงพี่น้อง        ต้องเพิ่งพากัน
        คราวเป็นตาย        ช่วยกันปองป้าน
        ยามมีให้            ปุนปันแจกแบ่ง
        คราวทุกข์ใฮ้        ปุนป้องช่วยปอง
        เทียมดังดงป่าไม้        ได้เพิ่งยังเสือ
        คนบ่ไปฟังตัด        คอบเสือเขาย้าน
        เสือก็อาศัยไม้        ในดงคอนป่า
        ฝูงหมู่คนบ่ฆ่า        เสือได้คอบดง203
๒.๑๕  คุณสมบัติของผู้นำ204
คุณสมบัติของบุคคลผู้จะเป็นผู้นำนอกจากมีธรรมดังกล่าวแล้ว  ยังมีคุณสมบัติอื่นอีกมาก  ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้  เป็นต้นว่า
๑)  เป็นผู้อดทนต่อความลำบากทั้งทางกายและใจ  ต่อการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่น
๒)  เป็นคนทันโลก  คือเป็นคนไม่ประมาท
๓)  ขยันทำงาน
๔)  สามารถแยกเหตุการณ์ได้ถูกต้อง  แบ่งงานให้เหมาะสมกับบุคคล
๕)  มีความกรุณา
๖)  สอดส่อง  ตรวจตรา  ติดตามงานที่ทำ  ประเมินผลงาน
๗)  สามารถค้นหาปัญหา
๘)  สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ
๙)  สงเคราะห์ปวงชน
๑๐)  สร้างมิตรภาพกับผู้อื่น
๑๑)  รู้จักพูด
๑๒)  ใจกว้าง
๑๓)  เป็นผู้นำเขาคือทำให้เขาดู
๑๔)  องอาจและเป็นคนฉลาด
๑๕)  เป็นพหุสูตร
๑๖)  เอาธุระหน้าที่ไม่ยอมทิ้งงาน
๑๗)  มีหลักธรรมประจำใจ
๑๘)  เป็นมีจิตใจอันประเสริฐคือรู้จักให้อภัยคนอื่นที่ทำงานผิดพลาด
๑๙)  เป็นสัตบุรุษ
๒๐)  เป็นคนมีปัญญาความคิดอ่านดี

๒.๑๖  วรรณกรรมอีสาน
ชาติที่เป็นใหญ่เจ้าอย่าเบียดคนทุกข์ เจ้าเฮย
    ให้ค่อย กุณาฝูงไพร่เมืองคนไฮ้
    เห็นว่า เป็นใหญ่แล้วใจผอกอธรรม
    ไผบ่  พ่นเพียงตัว    เมื่อมีกำลังกล้า
    เป็นเจ้าให้ฮักไพร่ทั้งหลาย
    เป็นนายคนให้ฮักสหายและหมู่
    เป็นกวนให้อักลูกบ้าน
    คันซิต้านให้ค่อยเพียรจา
    อันว่าเป็นพระยานี้หาไผจักเอาโทษบ่มีแล้ว
    มีแต่เวรบาปเข้าใจเจ้าหม่นหมองนั้นแล้ว
    กับทั้งเทวดาอินทร์พรหมสวรรค์โลกเทิงพุ้น
มาให้โทษแก่เจ้าจอมไท้ ก็จิงมีนั้นแล้ว
    เป็นพระยาให้อิดูสัตว์ทุกหมู่จิงดีดาย
    กรุณาคนทุกไฮ้ชาวบ้านไพรเมืองนั้นเนอ
    มธุวาจาต้านคำควรให้หวานยิ่งจริงเทอญ
    อุเบกขาดีและฮ้าย ฉันใดแท้ให้ค่อยฟัง205

๒.๑๗  หลักการบริหารตามแนวของพระพุทธเจ้า  ดังนี้คือ
๑)  หาพวกดี
๒)  มีความรู้
๓)   สู่ด้วยเหตุผล
๔)  ทำตนเป็นตัวอย่าง
๕)  ระวังอย่าระแวง
๖)  แข่งทำดี
๗)  สามัคคี
๘)  อดทน
๙)  อย่าเอาแต่บ่นไม่ยอมแก้ไข
๑๐)   พัฒนาจิตใจ  ให้มีคุณธรรม  คุณประโยชน์206

๒.๑๘  วรรณกรรมอีสาน
    คันสิเป็นขุนให้ถามนายชั้นเก่า        อย่าได้ยาวลืนด้าม คำเฒ่าแต่หลัง
    คันสิกินปลาให้ซอมดูก้างดูก        บาดว่าดูกหมุ่นค้างคอไว้บ่ลง
    ให้ค่อยไขระหัสต้านจาหวานเว้าม่วน    คำจริงจึ่งเว้าคำฮ้ายอย่าได้จา
    ให้ค่อยมีฉบับเว้าหวานหูอ้อนอ่อน        ประชาชนจึ่งย่อง ยอขึ้นส่าเซ็ง
    อันนี้คือดั่งดังไฟไว้ เอาฝอยแถมตื่ม    เดือนดำไฟบ่ได้ บ่มีฮู้ฮุ่งเห็น
    ให้ค่อยโลมวาดเว้า เสมอดั่งสัพพัญญูนั้นเนอ  อินทร์พรหมทั้งเทพา ก็เหล่าโมทนาน้อม207

๒.๑๙   คุณสมบัติของนักรบ208
๑)  รอบรู้ในการจัดกองทัพ
๒)  สามารถให้อาวุธตกไปได้ไกล
๓)  ยิ่งแม่น  รู้เป้า
๔)  ทำลายขุมกำลังข้าศึกได้
๕)  กล้าหาญเป็นนักต่อสู่
๖)  ไม่หวั่นไหวและไม่สะดุ้งตกใจ
๗)  สู่ไม่ถอย,ไม่ครั่นคร้ามพรั่นพรึง
๘)  ฉลาดรอบรู้
๙)  กล้าหาญ
๑๐)คงแก่เรียน,ประพฤติดี
๑๑)  มีปัญญา  ฉลาด
๑๒)  มีวินัยดี  แนะนำผู้อื่นดี
๑๓)  แกล้วกล้า
๑๔)  มีความรู้ดี
๑๕)  ทรงธรรม

๒.๒๐   คุณสมบัติของข้าราชการ 209 ส่วนข้าราชการทั่วไปพระพุทธเจ้าตรัสคุณสมบัติไว้ว่า
๑)  ขยันทำงาน
๒)  ไม่ประมาทในเหตุการณ์ต่างๆตลอดถึงรู้ในเรื่องกิจการต่างๆดี
๓)  ปฏิบัติหน้าที่ได้เรียบร้อย
๔)  เป็นผู้นำที่ดีของประชาชน
๕)  ได้รับการฝึกมาดีแล้ว
๖)  บำเพ็ญตนและของผู้อื่น  และเป็นคนสุภาพอ่อนน้อม
๗)  มีใจมั่นคงสุจริต
๘)  มีพฤติกรรมอันสะอาดไม่ทุจริต
๘)  บำเพ็ญประโยชน์ทั้งต่อหน้าและลับหลังผู้บังคับบัญชา
๙)  เคารพผู้ใหญ่ในราชการ
๑๐)  สมบูรณ์ด้วยความรู้ความสามารถและทำงานเก่ง
๑๑)  รู้จักกาลอันควร- ไม่ควรทำอย่างไร

bandonradio

33.วรรณอีสานเรื่องท้าวฮุ่งท้าวเฮือง

35846064 วรรณกรรมอีสาน
       ๒.๖  คำสั่งสอนของท้าวฮุ่งแก่อ้ายคว่างกับผู้อื่นที่เมืองปะกัน  ๒๙  ประการ195คือ
    ๑)   อย่าทะเลาะกันเองจงให้อ้ายคว่างเป็นคนคิด แล้วจงช่วยกันสร้างเมืองแทนเขา
    ๒)  ประเพณีอันใดไม่ดี  อันไหนดี ให้ดูให้ถี่ถ้วน
    ๓)  อย่าพูดจาแข็งกระด้างเสียดสีกัน
๔)  จงช่วยเหลือพี่น้องผู้ทุกข์ยาก  จงจดจำผู้เป็นลุงเป็นอาไว้ให้ดี  จงถนอมรักคนยากไรเพราะเขานั้นเปรียบเสมือนรั้วเมือง อีกอย่างหนึ่งจงพูดตามกฎประเพณี
    ๕)  อย่าเห็นแก่เงินทอง  โลภมาก ตามใจตัวเอง
    ๖)  ไม่ควรทำโทษเกินกว่าที่พูดเอาไว้  เว้นแต่ถ้าผู้นั้นโทษไม่มากจึงลดหย่อนให้
    ๗)  อย่าพูดจาข่มเหงเสมอเมืองของเรา  จงคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด
    ๘)  ใครมีความรู้ให้ชวนเขามาอยู่ด้วย
    ๙)  ผู้ใดพูดจาถูกต้องมีเหตุผล  รู้กฎประเพณีของบ้านเมือง  จงเชิญเขาทำงานต่างหูต่างตา
๑๐)  เวลามีใครทำผิด  เขาจะเป็นคนสอบสวน  ไม่ควรฟังความข้างเดียว  เพราะถ้าทำเช่นนั้นคนทั้งหลายจะหัวเราะเยาะ  เอาไปนินทาว่าไม่ดีได้
    ๑๑)  จงพากันทำเหมืองฝายไว้ให้ชาวเมืองใช้  พวกเจ้าที่เป็นขุนเป็นนายจงฟังไว้ทั่วทุกคน
๑๒)  ให้เอาไม้กระดานพาดทำสะพานถมดินทุกแห่ง  หนทางที่ใดที่ไม่ดต้องซ่อมแซม  ถึงยามเกิดเหตุวุ่นวายต้องชี้แจงรายละเอียด  กองทัพใหญ่ที่มีช้างถ้าเดินผ่านไปตกหล่มจะอับอายผู้คน  ชาวเมืองจะตกใจกลัวเหมือนที่เล่าลือกันมาแต่ก่อน
๑๓)  ขอเพิ่มเติมอีกพวกเจ้าผู้ชายทุกคน  ต้องเอาใจใส่ดูแลรั้วบ้านเมือง  สร้างเวียงวังและกำแพงเมือง  ดูแลประตูทางเข้าออกให้แข็งแรง  อย่าประมาทว่ามันดีอยู่แล้ว
๑๔)  ใครไม่ใส่ใจนับถือประเพณีโบราณ  คัดค้านประเพณีโบราณนั้นไม่ดีหรอก  นี่เรายกเอาแต่คำสอนดีๆมาสอนเจ้า  ทั้งหมดนี้เป็นคำเก่าที่มีมาแต่ดั้งเดิมแล้ว
๑๕)  อย่าเป็นคนใจแคบมักได้แต่ตัวคนเดียว  ต้องดูแลช่วยเหลือพี่น้องผู้ขาดแคลน  ทุกคน
๑๖)  จงอย่าเบียดเบียนผู้อื่น  ชังกันนั้นไม่ดี  ควรถนอมรักกันดุจพี่น้อง  คว่างเอยใต้ลุ่มฟ้านี้เราเป็นใหญ่  พระยาจอมได้ปลูกมิ่งไว้และผลิดอกบานแล้ว  พวกเจ้าผู้ครองเมืองจงคิดให้กว้างๆ
    ๑๗)  อย่าเลี้ยงโจรและคนโฉดชั่ว  พวกนี้จะพาให้เสียหน้า
๑๘)  จงตรวจดูว่าไพร่พลคนใดตายเพราะถูกช้างเอางาแทงในการป้องกันโจรมารรักษาบ้านเมือง  คนพวกนี้ตายแล้วย่อมได้ขึ้นสวรรค์  ถ้าเขามีเชื้อสายเดียวกัน  ควรดูแลครอบครัวของเขา
    ๑๙)  อย่าปล่อยให้คนพวกนั้นต้องสูญพันธุ์ไป  พวกมหาดเล็กจงฟังไว้ให้ดี
๒๐)  ไม่ควรเชื่อใจเมีย  ไม่ควรบอกความลับแก่เมีย  เพราะว่าเขาสามารถยุให้เราทำผิดหรือเสียศักดิ์ศรีได้
    ๒๑)  นักปราชญ์ควรหลีกหนีสังสารวัฏ  เหมือนดังพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนไว้
    ๒๒)  เวลามีงานเลี้ยงจงให้พวกไพร่ฟ้าได้กินกันจนอิ่ม
๒๓)  อย่าข่มขู่ไพร่ฟ้าคนใต้ปกครอง  ของที่อยู่ในพระคลัง  เช่น  เงิน  ทอง เกลือ จงแบ่งปันให้เขา  จะไปตีเมืองใดจงถามผู้เฒ่าดูก่อน  อย่าพูดจาข่มเหงใส่ร้ายผู้อื่น
๒๔)  จงอย่าเห็นแก่เงินคำ  เราเสียคนดีก็เพราะเห็นแก่อามิสสินจ้าง  ของแพงนั้นควรถนอมไว้ในยุ้งฉางก่อน  มันไม่ได้ไปชนช้างทำศึกช่วยเราหรอก
๒๕)  จงอย่าข่มเหงขุนนาง  จงถนอมรักพวกเขาดังเดียวกับที่เราทำตามคำพ่อเรา  พวกเราต้องเข้าใจกันจึงจะจำเริญด้วยกัน
๒๖)  อย่าบังคับเอาประชาชนมาเป็นทาส  เวลาเกิดศึกก็พวกนี้แหละที่จับอาวุธออกรบ  ต้องรู้บุญคุณและสงสารเขา  มิฉะนั้น  เขาจะพากันหลีกหนี  หมดโทษจงเลี้ยงดูเขาไว้  ผู้คนทั้งหลายจะยกย่อง
๒๗)  ถ้ามีคนยากไร้มาของพึ่ง จงเลือกเอาไว้เป็นกำลัง  บรรดาสรรพสิ่งและช้างม้าก็เช่นกัน  เขาเหล่านี้แหละจะอาสาช่วยในสงคราม
๒๘)  คนใดปากหวาน  ต่อหน้าดี  แต่ลับหลังร้าย  จงปล่อยให้คนเหล่านั้นลำบากอยู่สัก  ๓  ปี  ต่อเมื่อเขาสำนึกแล้วจึงเอาเลี้ยง
๒๙)  อันหนึ่ง  จงอย่าหลงไหลเมียสาว  การหลงไหลในเมียสาวนั้นมันก็เหมือนกับกินยาเบื่อนั้นแหละ

๒.๗  เว้นอคติ  4  ประการคือ
๑)  ฉันทาคติ        ลำเอียงเพราะชอบ
๒)  โทสาคติ        ลำเอียงเพราะชัง
๓)  โมหาคติ        ลำเอียงเพราะหลงหรือเขลา
๔)  ภยาคติ        ลำเอียงเพราะขลาดกลัว196
๒.๘  วรรณกรรมอีสาน
อันว่าจอมราชาเหมือนพ่อคิงเขาแท้    จิ่งให้ไลเสียถิ้มอะคะติทั้งสี่ พญาเอย
    โทสาทำโทษฮ้ายโกธากริ้วโกรธแท้เนอ    จงให้อินดูฝูงไพร่น้อยชาวบ้านทั่วเมือง
    ชาติที่เป็นพญานี้อย่ามีใจฮักเบี่ยงพญาเอย    อย่าได้คึดอยากได้ของข้าไพร่เมืองเจ้าเอย
    ละอะคะติสี่นี้ได้จึงควรสืบเสวยเมือง    ทงสมบัติครองเมืองชอบธรรมควรแท้
    อันหนึ่งจิตอ่อนน้อมคำฮ้ายแม่นบ่มี    ปากกล่าวต้านคำอ่อนหวานหูแลนา
    บ่เหล้นชู้เมียซ้อนเพิ่นแพง        บ่คึดโลภเลี้ยวลักสิ่งเอาของเพิ่นนั้น
    บ่ตั้วะบ่พางไผเพื่อนสหายกันแท้        บ่ฆ่าสัตว์ประสงค์เว้นอินดูสัตว์มากยิ่ง
    บ่คึดโลภเลี้ยวจาต้านให้เบี่ยงความ        บ่ลามกหยาบซ้าเกินฮีตครองธรรมแลนา
    บ่กินสุราเหล้าเอาต้นเว้นขาด        กรรมแปดจำพวกนี้ไผเว้นประเสริฐดี 197

๒.๙  พรหมวิหาร  คือ
        ธรรมประจำใจของผู้ใหญ่หรือผู้มีจิตใจกว้างขวางดุจพระพรหม  4 อย่าง
๑)  เมตตา  ความรัก  คือความปรารถนาดีมีไมตรีจิต  ต้องการช่วยเหลือให้ทุกคนให้มีความสุขและประโยชน์ของตน
๒)  กรุณา  ความสงสาร  คืออยากช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์ ใฝ่ใจที่จะปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์และความเดือดร้อนของคนและสัตว์ทั้งปวง
๓)  มุทิตา  ความพลอยยินดี  เมื่อเห็นคนอื่นอยู่มีสุขก็มีใจแช่มชื่นเบิกบานกับเขา  เมื่อเห็นเขาประสบความสำเร็จก็พลอยยินดีกับเขาด้วย
๔)  อุเบกขา  ความมีใจเป็นกลาง  คือมองความเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนอื่นทั้งที่ดีและเลวก็มีใจมั่นคงดุจตราชั่ง  คือการวางตนให้เฉย198

๒.๑๐  วรรณกรรมอีสาน
       สอนขุน  เจ้าพระยาให้ยึดมั่นในครรลองแห่งธรรมะโดยยึดหลักพุทธปรัชญานั้นเองดังนี้คือ
    ดูราร้อยเอ็ดตนพระยาใหญ่ฟังเน้อ        เรานี้เป็นย่อนท้าวเทวดาคำซูซอย แท้ดาย
    อันจักเป็นเหตุให้จิบหายจมจุ่ม แท้ดาย    โลภคติสี่นี้เป็นเค้าแก่เฮา
    ใผผู้โลภาพ้นผิเอาของท่าน        โทโสทำโทษให้เสียแล้วจึงเอา
    โมหาทำตัวร้ายผิเอาของท่านศรัทธา    เห็นแก่ได้บ่มีฮู้บาปบุญ
    เห็นแก่สินท่านจ้างเข้ามาสับส่อ        มะนะทิฐิก็เข้าคำร้ายเกิดมี
    ก็บ่ฟังคำผู้มีผญาต้านกล่าว        มักลื่นได้ของแท้ก็บ่มี  แท้แล้ว
    เมตตากรุณาอย่าได้วางจักเมื่อ        มุทิตาอุเบกขาจือไว้จำมั่นอย่าไล แท้ดาย
    อันหนึ่งโกรธาร้ายอย่าได้ทำตามคำเคียด    ให้พิจารณาถี่ถ้วนเสียแล้วจึงทำ
    อันหนึ่งฟังหมู่ขุนเฒ่าพิจารณาคุณโทษก็ดี  ให้เอาตามฮีตบ้านเมืองแท้แห่งโต นั่นเน้อ
    ในโลกนี้มีฮีตห่อนเสมอกันแท้ดาย    ฝูงใดเอาคองเพื่อนมาหลงเค้า
    เป็นขุนให้จาความให้มั่นแน่ จริงเทิน    อย่าเห็นแก่ใกล้ฝ่ายไส้โครตวงศ์แท้ดาย
    โตหากเทียวทางไกลปักตูเรือนซิฮ้อน    อย่าได้ปบแล่นปลิ้นคืนแท้อยู่หลังเพิ่นดาย
    ครั้นว่าความให้ตัดไปด้วยซื่อ        ทางงูอย่าให้เคียดทางเขียดอย่าให้ตาย
    ก็จึงมิ่งมังคละเข้าขุนพิจารณ์โสภาพ จริงแล้ว 199

bandonradio

32.ความสัมพันธ์ระหว่างวรรณกรรมอีสาน

พระมหากษัตริย์หรือผู้ปกครองประเทศ
       คือท่านที่เป็นผู้ใหญ่ในแผ่นดินหรือผู้นำและผู้ปกครองรัฐตั้งแต่พระเจ้าจักรพรรดิ์  พระมหากษัตริย์ ตลอดจนนักปกครองโดยทั่วไป  มีหลักธรรมที่เป็นคุณสมบัติ  และมีข้อปฏิบัติดังนี้ คือ

      ๒.๑.ทศพิธราชธรรม
       คือ  มีคุณธรรมของผู้ปกครองหรือราชธรรม(ธรรมของพระราชา)  10  ประการ  ดังนี้
๑)  ทาน  การให้ปันช่วยเหลือประชาชน  คือ  การบำเพ็ญตนเป็นผู้ให้โดยมุ่งปกครองหรือทำงานเพื่อให้เขา  มิใช่จะเอาประโยชน์จากเขา  เอาใจใส่อำนวยบริการ  จัดสรรความสงเคราะห์  อนุเคราะห์ให้ประชาราษฎร์ได้รับประโยชน์สุข  ความสะดวกปลอดภัย  ตลอดจนให้ความสนับสนุนแก่คนที่ทำคุณแก่ประเทศชาติ
๒)  ศีล  รักษาความสุจริต  คือ  ประพฤติดีงาม  สำรวมกายและวจีทวาร  ประกอบแต่การสุจริต  รักษาเกียรติคุณ  ประพฤติให้เป็นแบบอย่าง  และเป็นที่เคารพนับถือของประชาราษฎร์มิให้มีข้อที่ผู้ใดจะดูแคลน
๓)  ปริจจาคะ  บำเพ็ญกิจด้วยการเสียสละ  คือสามารถเสียสละความสุขสำราญด้วยตัวเพื่อความสุขของประชาราษฏร์เป็นต้น  ตลอดจนแม้ชีวิตของตนเองได้  เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
๔)  อาชชวะ  ปฏิบัติภาระโดยซื่อตรง  คือซื่อตรงทรงสัตย์ไร้มายา  ปฏิบัติภารกิจโดยสุจริต  มีความจริงใจ  ไม่หลอกลวงประชาชน
๕)  มัททวะ  ทรงความอ่อนโยนเข้าถึงคน  คือ  มีอัธยาศัยไม่เย่อหยิ่งหยาบคายกระด้างถือพระองค์  มีความสง่างามเกิดแต่ท่วงทีกิริยาสุภาพนุ่มนวลละมุนละไม  ควรได้รับความรักภักดีแต่มิขาดความยำเกรง
๖)  ตปะ  พ้นมัวเมาด้วยเผากิเลส  คือแผดเผากิเลส  ตัณหามิให้เข้ามาครอบงำจิต  ระงับยับยั้งข่มใจได้  ไม่หลงใหลหมกมุ่นในความสุขสำราญและการปรนเปรอ  มีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆสามัญ  มุ่งมั่นแต่บำเพ็ญเพียรทำกิจในหน้าที่ให้สมบูรณ์
๗)  อักโกธะ  ถือเหตุผลไม่โกธา  คือไม่ทรงเกรี้ยวกราด  ไม่วินิจฉัยคดีความด้วยลุอำนาจแก่ความโกรธ  มีเมตตาประจำใจไว้  ระงับความเคืองขุ่น  วินิจฉัยความและกระทำการด้วยจิตอันสุขุมราบเรียบตามความยุติธรรม
๘)  อวิหิงสา  มีอหิงสานำความร่มเย็น  คือไม่หลงระเริงอำนาจ  ไม่บีบคั้นกดขี่  มีความกรุณา  ไม่หาเหตุเบียดเบียนลงโทษอาญา  แก่ประชาราษฎร์ผู้ใด  ด้วยความอาฆาตเกลียดชัง
๙)  ขันติ  ชำนะเข็ญด้วยขันติ  คือ อดทนต่องานที่ตรากตรำ  อดทนต่อความเหนื่อยยากถึงจะลำบากกายน่าเหนื่อยหน่ายเพียงไร  ก็ไม่ท้อถอย  ถึงจะถูกยั่วถูกหยันด้วยถ้อยคำเสียดสีถากถางอย่างใด  ก็ไม่หมดกำลังใจ  ไม่ละทิ้งกิจกรณืย์ที่ทรงบำเพ็ญมาโดยชอบธรรม
๑๐)  อวิโรธนะ  มิปฏิบัติคลาดจากธรรม  คือประพฤติมิให้ผิดจากประศาสนธรรม  อันถือประโยชน์สุขความดีงามของรัฐและราษฎร์เป็นที่ตั้ง  อันใดประชาราษฎร์ปรารถนาโดยชอบธรรมก็ไม่ทรงขัดขืน  การใดเป็นไปโดยชอบธรรมเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนก็ไม่ขัดขวาง  วางพระองค์เป็นหลัก  มีความหนักแน่นในธรรม  คงที่ไม่มีความเอนเอียงหวั่นไหว  เพราะถ่อยคำดีร้าย  ลาภสักการะหรืออิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์ใดๆ  สถิตมั่นในธรรมทั้งส่วนยุติธรรมคือความเที่ยงธรรม  และหลักนิติธรรมคือระเบียบแบบแผนหลักการปกครอง  ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม  ไม่ประพฤติให้เคลื่อนคลาดวิบัติไป190

วรรณกรรมอีสาน
๒.๒  ทรงตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมดัง  นี้คือ
    มีทานศีลตั้งไว้ในเจ้าบ่ได้ไล        กับทั้งเมตตาตั้งไว้กรุณาสิบสิ่งนั้นแล้ว
    ตัปปังพร้อมอะโกธังบ่เชิงเคียด        อะวิหิงสาบ่กล่าวต้านคำส้มใส่ไผ
    อะวิโรธนังให้มีใจตั้งต่อ            มุทุตาช่างเว้าอุเปกขาเจ้าบ่ห่อนไห
    พระก็ทศราชแท้ตั้งอยู่ตามคอง        บ่มีใจโมโหแก่เขาขุนข้า191

๒.๓  บำเพ็ญกรณีย์ของจักรพรรดิ์
       คือ  ปฏิบัติหน้าที่ของนักปกครองผู้ยิ่งใหญ่  ที่เรียกว่า  จักรวรรดิวัตร  คือธรรมเนียมของพระเจ้าจักรพรรดิ์  5  ประการ  คือ
๑)  ธรรมาธิปไตย  คือถือธรรมเป็นใหญ่  มีความเคารพธรรม  เชิดชูธรรม  นิยมธรรมและตั้งตนอยู่ในธรรม  ประพฤติธรรมด้วยตนเอง
๒)   ธรรมิการักขา  ให้ความคุ้มครองโดยธรรม  คือจัดอำนวยการรักษาคุ้มครองป้องกันอันชอบธรรมแก่ทุกคนทุกหมู่เหล่าในแผ่นดิน  คือ คนภายใน  ข้าราชการทหาร  ข้าราชการฝ่ายปกครอง  ข้าราชการพลเรือน  นักวิชาการและคนต่างอาชีพ  พ่อค้า  เกษตรกร  ชาวนิคมชนบท  พระสงฆ์และบรรพชิตผู้ทรงศีลทรงธรรม  ตลอดจนสัตว์สี่เท้าเป็นต้นฯลฯ
๓)  อธรรมการ  ห้ามกั้นการอันอาธรรม์  คือจัดการป้องกัน  แก้ไข  มิให้มีการกระทำที่ไม่เป็นธรรม  การเบียดเบียนข่มเหงและความผิดความชั่วร้ายเดือดร้อนเกิดขึ้นในบ้านเมือง  ชักนำประชาชนให้ตั้งมั่นในสุจริตและนิยมธรรม
๔)  ธนานุประทาน  ปันทรัพย์เฉลี่ยให้แกชนผู้ไร้ทรัพย์  มิให้เดือดร้อนขัดสนในแผ่นดินเช่น  จัดให้ราษฎร์ทั้งปวงมีทางทำมาหาเลี้ยงชีพได้โดยสุจริต
๕)  ปริปุจฉา  สอบถามปรึกษากับพระสงฆ์และนักปราชญ์  มีที่ปรึกษาที่ทรงวิชาการและทรงคุณธรรม  ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ  ผู้ไม่ประมาทมัวเมา  ที่จะช่วยให้เจริญปัญญาและกุศลธรรม  หมั่นพบไถ่ถามหาความรู้หาความจริงและถกข้อปัญหาต่างๆอยู่โดยสม่ำเสมอตามกาลอันควร  เพื่อชักซ้อมตรวจสอบตนให้เจริญก้าวหน้า  และดำเนินกิจการในทางที่ถูกที่ชอบธรรมดีงามและเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนและตัวเอง192

๒.๔  จักรวรรดิวัตร  ๑๐  ประการ คือ
๑)  อันโตชน  สังเคราะห์คนภายใน
๒)  พลกาย  บำรุงกองทัพให้เจริญรุ่งเรือง
๓)  ขัตติย  สงเคราะห์ชนชั้นปกครองและนักรบ
๔)  อนุยันต  สงเคราะห์ข้าราชการและเอื้อเฟื้อดูแลข้าราชบริพาร
๕)  พราหมณคหปติก  สงเคราะห์คฤหบดี
๖)  เนคมชานปท  สงเคราะห์ชาวนิคม
๗)  สมณพราหมณ์  อุปถัมภ์สมณชีพราหมณ์คือนักบวช
๘)  มิคปักขี  สงเคราะห์สัตว์
๙)  มา  อธมฺมกาโร  ปวตฺติตฺถ  ไม่ทำทุจริตผิดธรรมนองคลองธรรม
๑๐)  ธนํ  อนุปฺปทชฺเชยฺยาสิ  จ่ายทรัพย์สงเคราะห์คนอยากจน193

๒.๕  ประกอบราชสังคหะ
       คือ  การทำนุบำรุงประชาราษฎร์  ด้วยหลักธรรมที่เรียกว่าราชสังคหวัตถุ คือหลักการสงเคราะห์ประชาชนของพระราชา  4  ประการคือ
๑)  สัสสเมธะ  คือการฉลาดบำรุงธัญญาหาร  คือ  มีพระปรีชาสามารถในนโยบายที่บำรุงพืชพันธ์ธัญญาหาร  ส่งเสริมการเกษตรให้อุดมสมบูรณ์
๒)  ปุริสเมธะ  คือฉลาดบำรุงข้าราชการ  คือมีพระปรีชาสามารถในนโยบายที่จะบำรุงข้าราชการด้วยการพระราชทานรางวัลแก่ผู้มีคุณต่อบ้านเมืองและส่งเสริมคนดีมีความสามารถเป็นต้น
๓)   สัมมาปาสะ  ผูกประสานปวงประชา  คือผดุงผสานประชาชนไว้ด้วยนโยบายส่งเสริมสัมมาอาชีพให้แก่ทุกคนให้มีชีวิตที่สุขสบาย
๔)   วาชไปยะ  มีวาทะดูดดื่มใจ  คือรู้จักพูด  รู้จักชี้แจง  แนะนำ  รู้จักทักทายถามไถ่ทุกข์สุขของประชาราษฎร์ทุกระดับชั้น  แม้ปราศรัยก็ไพเราะน่าฟัง  ทั้งประกอบด้วยเหตุผล  เป็นหลักฐานมีประโยชน์  เป็นทางแห่งการสร้างสรรค์แก้ไขปัญหาเสริมความสามัคคี  ทำให้เกิดความเข้าใจดี  ความเชื่อถือและความนิยมนับถือของพสกนิกร194

bandonradio

ส่งข่าวถึงกันและกัน

Recent Posts

www.bandonradio.blogspot.com = คลื่นแห่งสาระบันเทิง ..

 
Design by Wordpress Templates | Bloggerized by Free Blogger Templates | Web Hosting Comparisons