
13:03
กุศลพิธี
กุศลพิธี แปลว่า บุญความดี ฉลาด สิ่งที่ดี กรรมดี เป็นต้น กรรมดีและการกระทำดี หรือกุศลกรรม ก็คือการกระทำที่เกิดเจตนาดี ซึ่งต่างจากอกุศลกรรมคือการทำชั่ว เป็นเจตนาที่เป็นไปเพื่อเบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับทุกข์ เจตนาดีและเจตนาชั่วนั้นเกิดขึ้นในใจ การพิจารณาว่าเจตนาใดเป็นเจตนาดีหรือชั่วจึงต้องพิจารณาถึงสภาวะในใจว่า มีเหตุผลแห่งเจตนาเป็นกุศลหรืออกุศล (พระมหาเอกนรินทร์) เรื่องนี้ พระเทพเทวี ได้ตีความกุศลและอกุศลเอาไว้ว่า
“...กุศลและอกุศล เป็นสภาวะที่เกิดในจิตใจและมีผลต่อจิตใจก่อนแล้ว จึงมีผลต่อบุคลิกภาพ และแสดงผลนั้นออกมาภายนอก ความหมายของกุศลและอกุศลจึงเพ่งไปที่พื้นฐาน คือเนื้อหาสาระและความเป็นไปภายในจิตใจเป็นหลัก...กุศล แปลตามศัพท์ว่า ฉลาด ชำนาญ สบาย เชื่อหรือ เกื้อกูล เหมาะ ดีงาม เป็นบุญ คล่องแคล่ว ตัดโรคหรือสิ่งชั่วร้ายที่น่ารังเกียจ ส่วนอกุศล ก็แปลว่า สภาวะที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกุศล หรือตรงข้ามกันกับกุศล เช่นว่า ไม่ฉลาดไม่สบาย เป็นต้น (พระเทพเวที)
พิธีมงคลบวชนาคเป็นพิธีมโหฬาร และสำคัญสำหรับชาวไทยผู้เป็นผู้พุทธศาสนิกชนและผู้ที่จะมานั้นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับระเบียบวิธี คือ
๑) ระเบียบการกราบไหว้
๒) ระเบียบการกรวดน้ำ
๓) ระเบียบการรับประทาน
เมื่อใกล้วันบวชตามนิยมกันทั่วไป ผู้ที่จะบวชต้องมีดอกไม้ ธูปเทียน เที่ยวลาญาติพี่น้องและญาติผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ เป็นการแสดงความเคารพและขอขมากรรมที่ได้พลาดพลั้งล่วงเกินทั้งต่อหน้าและลับหลัง ญาติพี่น้องและญาติผู้ใหญ่นั้น ก็ขอรับขมาพร้อมกับให้พรบทเพลงลูกทุ่งได้กล่าวถึงเรื่องขอลาบวช เช่น
“...พวกพ้องน้องพี่ลาทีลาก่อน ผมบวชแน่นอน บอกกันต่อไป ผมเคยโกรธเคืองมีเรื่องกับใคร จงโปรดอภัยอโหสิกรรม
ลาแล้วความรักอกหักหลายหนพ่อนาคคนจนต้องฝังใจว่ากุศลบุญช่วยหนุนน้อมนำ...”
(บวชนาค : ไวพจน์ เพชรสุพรรณ)
การบวชนาคทำให้พ่อแม่ปีติยินดีทำให้ท่านสบายใจ เพราะการบวชเป็นการสนองคุณทางจิตใจของท่าน สิ่งที่จะทำให้พ่อแม่โดยทั่วไปดีใจนั้นคงไม่มีอะไรเกินกว่าได้เห็นลูกเป็นคนดีดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้อง
การบวชเป็นพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนาย่อมช่วยให้ได้รับความสุขปีติยินดี ความสุขใจที่ได้เห็นลูกอยู่ในร่มเงาผ้ากาสาวพัสตร์ย่อมช่วยต่อชีวิตของผู้นั้นให้ยืนยาว(พระครูปลัดสุวัฒนพรหมคุณ)
บทเพลงลูกทุ่งที่กล่าวถึงกุศลเจตนาที่นาคได้ทำได้ทำต่อบุพพการีคือพ่อแม่ ดังเพลงว่า
“ศรี ศรี วันนี้ ฤกษ์ดีมงคล พ่อนาคเอ๋ย เธอจะได้ทำ
การบรรพชานับว่าเป็นบุญกุศลเจตนา ที่พ่อนาคมีต่อผู้มี
บุพพการี คือบิดามารดาขอให้สุโขภิญโญสโมสร ดังจะให้
สุนทรพรรณนา
พ่อนาคเอ๋ย ฟังเอื้อนเอ่ยวาจา วันนี้เธอบรรพชาใน
ศาสนาพระพุทธองค์ โกนคิ้ว โกนผม ปลดปลงสละกิเลส
ไปเป็นเพศสงฆ์ศิษย์องค์พระศาสดา
ประเพณีบรรพชา มีแต่ครั้งโบราณ ดำรงคงยืนมานาน
จึงเป็นการสมควรที่พ่อนาคเอ๋ย เธอได้โอกาสฤกษ์ดี”
(พ่อนาคเอ๋ย : ไพบูลย์ บุตรขัน)
เมื่อพระอุปัชฌาย์กำหนดวันเวลาบวชให้แน่นอนแล้ว เจ้าภาพจะต้องจัดแจงเตรียมหาเครื่องบริขารไว้ให้ครบ เครื่องบริขารที่จำเป็นต้องใช้ในการบวชซึ่งจะขาดเสียมิได้มีอยู่ ๘ อย่าง เรียกว่า อัฎฐบริขารกล่าวคือ บาตร อันตรวาสก ผ้าสบง อุตราสงค์ ผ้าจีวร สังฆาฎิ ผ้าห่มซ้อน กายพันธนะ ผ้าประคตเอว ปริสสาวนะ ผ้ากรองน้ำ สูจิเข็ม พร้อมด้วย วาสี มีดพับหรือมีดโกน
บทเพลงลูกทุ่ง กล่าวถึงการที่ต้องใช้เงินซื้อบาตรและผ้าไตรของนาคคนจน พร้อมกับบอกกล่าวให้คนมาร่วมงานกุศล คือ การบวชดังบทเพลงว่า
“...ช้ำเหลือทน แม่ผมจนขาดคนที่เหลียวมอง ใคร
เล่ากอดเงินทอง เหลียวมองจงอย่าทำขรึม ให้ขอยืมเงินก่อน
สึกเมื่อใดผมจะใช้เงินผ่อน จะคราดไถนาดอน ขอยืมเงิน
ก่อนได้ไหม
ใช้หลายบาทเลี้ยงญาติ ซื้อบาตร และซื้อผ้าไตร ขอแผ่
กุศลทั่วไป นาคกำพร้าเมืองไทย ขอจงอย่าได้ตัดรอน
ขอวอนมาร่วมกุศลบวชคนจนกัน ได้แว่วเสียงแตร ผมจะ
แลหาใคร บวชปีนี้วันใด ขอเชิญชาวไร่ชาวนา”
(ขอยืมเงินบวช : จิ๋ว พิจิตร)
เทศกาลเข้าพรรษาเป็นฤดูกาลที่พุทธศาสนิกชนมีโอกาสได้
บำเพ็ยกุศลมากที่สุดคือครบทั้ง ๓ พิธี ได้แก่บุญพิธี และทานพิธีพอถึงเทศกาลเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่าจะมีความกระตือรือร้นเป็นพิเศษที่จะบำเพ็ยกุศล บางพวกก็บำเพ็ญกุศลพิธี คือการอบรม พัฒนาจิตใจตนเองให้มีคุณธรรมประจำใจที่สูงขึ้น ได้แก่ การบวชเป็นพระภิกษุหรือสามเณร บางพวกก็เริ่มสมาทานรักษาศีล ๕ และอุโบสถศีลตลอดพรรษาบางพวกก็ตั้งสัจจะอธิษฐานของดเว้นอบายมุข เช่น สุรา การพนัน สิ่งเสพย์ติดบางชนิดนับว่าเทศกาลเข้าพรรษาเป็นพิธีกรรมที่สามารถลดอบายมุขลงได้
บทเพลงลูกทุ่ง กล่าวถึง การปลูกศรัทธาในการชัดชวนกันไปทำบุญที่วัดและเมื่อถึงวันสำคัฯญในทางพระพุทธศาสนาก็ชักชวนกันไปเวียนเทียนที่วัดเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อันหมายถึง กุศลพิธี ดังบทเพลงว่า
“พี่น้องทั่วไปร่วมใจช่วยกัน วันนี้เป็นวันเข้าพรรษา
เข้าหรือออกก็บอกบุญมา ให้ร่วมศรัทธากันทั่วเมืองไทย
วัดมีมากมายอยู่หลายตำบล ทางวัดรอคนศรัทธาเลื่อมใส
ทำบุญกันบ้างว่างว่างก็ไป วัดเหนือวัดใต้ก็ไปทำบุญ
วันนี้ตั้งใจจะไปชวนแฟน เพื่อหาคะแนนมาช่วยเกื้อหนุน
ร่วมเรียงเคียงใกล้ร่วมใจเจือจุน ช่วยสมทบทุนด้วยใจศรัทธา
ทำบุญที่ไหนก็ไปด้วยกัน วันที่สำคัญทางศาสนา
คิดถึงความหลังที่นั่งมองตา อยู่บนศาลาทำบุญร่วมกัน
เราสบตากันสวรรค์นำส่ง ก็เลยตกลงมีความสัมพันธ์
ต่างคนต่างอยู่ต่างรู้ใจกัน ยังไม่ถึงวันที่ร่วมวิวาห์
ใครใครก็ชมว่าสมกันดี พ่อแม่ปรานีไม่เคยกันท่า
เหมือนคู่บุญอบอุ่นหัวใจ ไปไหนก็ไปทั้งน้องและพี่
วันไหนวันว่างเราสร้างความดี ทำตามหน้าที่การงานเรื่อยมา
ตั้งใจแน่วแน่ไม่แปรผันเปลี่ยน จะไปเวียนเทียนวันเข้าพรรษา
ขอให้ผลบุญเกื้อหนุนนำพา เป็นคู่วิวาห์ชื่นชมสมปอง”
(เพลงรักเข้าพรรษา : ขับร้อง พิมพา พรศิริ)
bandonradio

08:58

08:48
ไวพจน์ ลาบวช 1-2
Artist: ไวพจน์ เพชรสุพรรณ
คลิกฟังออนไลน์ :
01 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ลาบวช 21 มิถุนา.mp3
คลิกฟังออนไลน์ :
02 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ต้นฉบับลาบวช.mp3
คลิกฟังออนไลน์ :
03 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - โห่ 3 ลา ไวพจน์
คลิกฟังออนไลน์ :
04 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - เบิกบายศรี(โห
คลิกฟังออนไลน์ :
05 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ทำขวัญนาค.mp3
คลิกฟังออนไลน์ :
06 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - บวชพระดีกว่า.mp3
คลิกฟังออนไลน์ :
07 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ไวพจน์กล่อมนา.mp3
คลิกฟังออนไลน์ :
08 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - เหยียบโลกผิด.mp3
ฟังออนไลน์ :
09 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ให้พี่บวชเสีย.mp3
ฟังออนไลน์ :
10 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - -หนุ่มน้อยลาบ
คลิกฟังออนไลน์ :
01. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ไวพจน์ลาบวช.mp3
คลิ๊กฟังออนไลน์ :
02. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - เกิดเป็นชายต้.mp3
คลิกฟังออนไลน์ :
03. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - บวชพระเถิดหนุ.mp3
คลิกฟังออนไลน์ :
04. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ให้พี่บวชเสีย.mp3
คลิกฟังออนไลน์ :
05. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - บวชเสียก่อนเถ.mp3
ฟังออนไลน์ :
06. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - บวชพระดีกว่า.mp3
ฟังออนไลน์ :
07. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - บวชพระแหล่ะดี.mp3
ฟังออนไลน์ :
08. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - บวชแทนค่าน้ำน.mp3
ฟังออนไลน์ :
09. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ไวพจน์กล่อมนา.mp3
ฟังออนไลน์ :
10. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ทำขวัญนาค.mp3
คลิกฟังออนไลน์ :
11 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ทิดใหม่ใจเศร้.mp3
ไวพจน์ ลาบวช 1
01. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ไวพจน์ลาบวช
02. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - เกิดเป็นชายต้องบวช
03. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - บวชพระเถิดหนุ่มน้อย
04. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ให้พี่บวชเสียก่อน
05. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - บวชเสียก่อนเถิดพี่
06. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - บวชพระดีกว่า
07. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - บวชพระแหล่ะดี
08. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - บวชแทนค่าน้ำนม
09. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ไวพจน์กล่อมนาค
10. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ทำขวัญนาค
11. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - เบิดบายศรี ( โห่ 3 ลา )
12. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - โห่ 3 ลาไวพจน์กองยาว
13. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ทิดใหม่ใจร้อน
14. ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ทิดใหม่ใจเศร้า
ไวพจน์ลาบวช 2
01 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ลาบวช 21 มิถุนา
02 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ต้นฉบับลาบวช
03 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - โห่ 3 ลา ไวพจน์กลองยาว
04 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - เบิกบายศรี(โห่ ลา)
05 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ทำขวัญนาค
06 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - บวชพระดีกว่า
07 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ไวพจน์กล่อมนาค
08 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - เหยียบโลกผิด
09 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ให้พี่บวชเสียก่อน
10 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - หนุ่มน้อยลาบวช
11 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - ทิดใหม่ใจเศร้า
12 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - บวชแก้บน
13 ไวพจน์ เพชรสุพรรณ - คำสอนก่อนบวช
bandonradio

08:03
ผญาภาษิตที่สะท้อนถึงระบบครอบครัว
เป็นคำสอนที่แสดงถึงคู่ของบุคคลที่ต้องมีหน้าที่ปฏิบัติต่อกันในสังคม บุคคลในสังคมถ้าตั้งใจปฏิบัติตามความสัมพันธ์ต่อกันในครอบครัว ความสงบสุขย่อมจะเกิดขึ้นในแต่คู่ของบุคคลนั้น ในปัญหาเช่นนี้ สุภาษิตอีสานจะนำมาสอนในกรณีที่เป็นหลักจรรยาบันของสังคมในครอบครัว ซึ่งจะเน้นให้บุคคลทำหน้าที่ของตน
การดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมของมนุษย์จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์เป็นตัวนำทางให้สมาชิกของสังคมดำเนินชีวิตไปตามครรลองที่สังคมต้องการ เครื่องมือในการนำทางดังกล่าวจึงถูกกำหนดมาในรูปแบบบรรทัดฐานทางสังคม ค่านิยมที่ได้รับการถ่ายทอดมา ว่าคนเรามีการตัดสินที่จะเลือกแนวทางในการปฏิบัติของตนเองตามปัจเจกชน ชาวอีสานให้ความสำคัญกับคำถามที่ว่า”เราควรจะเลือกมีชีวิตอยู่อย่างไร” และควรทำอย่างไร และควรเว้นอะไร สิ่งเหล่านี้ล้วนมีอย่างละเอียดตั้งแต่เรื่องของมารยาท การเลือกคบคนอย่างไรจึงจะดี และควรเลือกคนอย่างไรมาเป็นคู่ชีวิตของตนเอง และจะปฏิบัติต่อคนประเภทต่างๆอย่างไร เช่น กับพ่อแม่ พ่อตาแม่ยาย ลูกเขย ลูกสะใภ้ และต่อพระสงฆ์ ควรจะวางตนอย่างไร เป็นหน้าที่ของจริยธรรมจะชี้บอกทางให้ และสังคมชาวอีสานยังมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือ เป็นชุมชุนที่ยึดถือระบบญาติมิตรมาก เพราะความจำเป็นทางสังคมก็ดี ทางสิ่งแวดล้อมก็ดีล้วนแต่เป็นปัจจัยเกื้อกูลกันและกันให้ชาวอีสานต้องทำอย่างนั้น และชาวอีสานชอบแสวงหาความสงบสันติทางสังคม ดังจะเห็นอิทธิพลของสุภาษิตอีสานซึ่งเท่าที่พบจากวรรณกรรมคำสอนต่างๆพอประมวลจริยธรรมของบุคคลต่างได้ ๖ ประการคือ
๑ ) บิดามารดาตามนัยแห่งสุภาษิตอีสาน
พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณต่อลูกๆสุดจะพรรณนา ความรักลูกยิ่งกว่าสิ่งใดประดุจดวงตาดวงใจก็ไม่ผิด พ่อแม่ทุกคนย่อมตั้งอยู่ในคลองธรรมและปฏิบัติต่อลูกหลาน ในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ลูก อุตสาห์เลี้ยงดูตั้งแต่เล็กจนโต ให้ลูกได้ศึกษาเล่าเรียนความรู้ซึ่งจะช่วยให้ลูกมีสติปัญญาแนะนำเกี่ยวกับการอาชีพ สำหรับลูกผู้ชายเมื่อมีอายุครบบวชพ่อแม่ก็จัดการบวชให้ พ่อแม่ย่อมเอื้ออาทรรักและห่วงใยลูก สิ่งใดไม่ดีพ่อแม่ก็แนะนำห้ามปราม มิให้กระทำชั่วพยายามให้ตั้งอยู่ในคุณความดี จัดหาคู่ครองที่สมควรหรือจัดแต่งงานให้ตามจารีตประเพณีและหากมีทรัพย์ก็มอบให้ลูกครอบครองแทนตนต่อไป พ่อแม่มีพระคุณต่อลูกถึงจะด่าลูกๆบ้างก็เพื่อความหวังดีของท่าน ดังคำกลอนสุภาษิตว่า
พ่อแม่ฮักลูกเต้าเสมอดังดวงตา เถิงซิมีคำจาด่าเซิงคำฮ้าย
เผิ่นหากหมายดีด้วยดอมเฮาจั่งฮ้ายด่า ความปากว่าบ่แพ้หัวใจนั้นหากบ่นำ
ยามเฮามีความต้องเจ็บเป็นไข้ป่วย เผิ่นบ่ป๋าปล่อยถิ่มเฮาไว้ถ่อเม็ดงา
มีแต่แหล่นซ้วนหน้าหาของกินมาฝาก ยากนำลูกน้อยๆความเว้าจ่มบ่เคย 5 นุ่ม
วรรณธรรมชาวอีสานมีระบบเครือญาติสูงซึ่งจะพบว่าบรรดาลุง ป้า น้า อา และพี่ นับเป็นญาติชั้นสูงอาวุโส ควรรู้วางตนให้สมกับเป็นที่เคารพนับถือของลูกหลานและญาติพี่น้อง มีเมตตาธรรมไม่ถือตัวโอ้อวดมีอะไรก็ช่วยสงเคราะห์เป็นที่พึ่งพาอาศัยของญาติพี่น้องลูกหลานได้ หากลูกหลานและญาติพี่น้องถูกใคร่รังแกก็อาศัยเป็นที่พึ่งพากันในยามทุกข์ยากได้ ดังคำโบราณว่า
ฝูงเฮาผู้เป็นลุงป้าอาวอาน้าพี่ ให้มีใจฮักพี่น้องวงศ์เชื้อลูกหลาน
คนใดมีทุกข์ฮ้อนอ้อนแอ่วมาหา ซ่อยอาสาเป่าปัดให้ส่วงคลายหายเศร้า
การครองย้าว เอาศีลธรรมเป็นที่เพิ่ง ตามเปิงฮีตบ้านปางเค้าเก่ามา
ไผมีงานหนักหนาให้หาทางซดซ่อย บรรดาลูกหลานส่ำน้อยดีใจล้ำอุ่นทรวงฯ
คุณปู่ ย่า ย่อมเป็นที่รักและเคารพของลูกหลาน เปรียบประดุจด้วยเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานดังคำโบราณอีสานว่า
อันปู่ย่านั้นหากฮักลูกหลานดั่งเดียวหลาย ทั้งตายายก็ฮักลูกหลานหลายดั่งเดียวกันนั้น
ลูกหลานเกิดทุกข์ยากไฮ้ได้เพิ่งใบบุญ คุณของปู่ย่าตายายหากมีหลายเหลือล้น
ควรที่ลูกหลานทุกคนไหว้บูชายอยิ่ง เปรียบเป็นสิ่งสูงยกไว้ถวยเจ้ายอดคุณ
บุญเฮาหลายแท้ที่มีตายายปู่ย่า เพราะว่าเพิ่นเป็นฮ่มให้เฮาซ้นอยู่เย็น ฯ
แม้แต่ผู้ที่ไม่ใช่ญาติตนเองก็ยังมีความนับถือกัน ซึ่งจะมีทั้งคนที่มีคุณธรรมในชุมชนของตนเองก็ยังได้รับการเคารพ โดยถือกันว่าเป็นแนวทางของการปฏิบัติต่อท่านผู้สูงอายุ ธรรมเนียมของชาวอีสานมักจะเคารพผู้อาวุโสในด้านต่างๆอาจเป็นด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิ และชาติวุฒิเป็นต้น ดังนั้นคนเฒ่าคนแก่จะควรเป็นแบบอย่างให้แก่ลูกหลานทั้งในด้ายความประพฤติและด้านจิตใจ ดังคำโบราณอีสานว่า
เป็นผู้เฒ่าให้ฮักลูกหลานเหลน เป็นขุนกวนให้ฮักการเมืองบ้าน
สมสถานเบื้องเฮิงฮมย์ถ้วนทั่ว อย่าได้ฮักผิ่งพุ้นซังพี้บ่ดี
อันว่าเฒ่าบังเกิดสามขานั้นฤา หมายถึงคนวัยสูงผู้ควรถือหน้า
ย้อนว่าเอาตนเข้าถือศีลฟังเทศน์ เถิงกับสักค้อนเท้าไปด้วยใส่ใจ
ชาติที่เฒ่าบ่ฮู้วัตรคลองธรรม ปาปังแถมซู่วันเวียนมื้อ
เถิงว่าวัยชราเฒ่าหัวข่าวแข้วหล่อน อายุฮ้อนขวบเข้าบ่มิผู้นับถือ แท้แหล่ว
๒ ) ครู และ อาจารย์
๓ ) สามีและภรรยา
ภรรยาคือชื่อว่าเป็นช้างท้าวหลังธรรมเนียมชาวอีสานเรียกว่าธรรมเนียมของภรรย169 เป็นการสอนในการครองเรือนให้มีความสุขที่เป็นข้อปฏิบัติสำหรับสามีภรรยาที่ต้องมีความรักใคร่ต่อกัน การประพฤติหลักของอีตผัวคองเมียนี้นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะธรรมดาทัศนะคติของคนสองคนที่มาเป็นคู่ครองกันนั้นย่อมแตกต่างกันไปตามอุปนิสัยบางคนแข็งกระด้างบ้างคนอ่อนน้อม ดังนั้นปราชญ์อีสานจึงสอนว่าการเป็นสามีภรรยากันนั้นมันง่ายแต่จะครองรักอย่างไรจึงจะมีความสุขได้ ตามความเชื่อของคนไทยโบราณสอนว่าสามีเป็นช้างเท้าหน้าภรรยาเป็นช้างเท้าหลัง เพราะสมัยโบราณนั้นผู้หญิงก็มีความเชื่อเช่นนั้นเป็นทุนอยู่เดิมเหมือนกันดังจะเห็นได้จากวรรณกรรมของอีสานทุกเรื่องจะอบรมสั่งสอนลูกหญิงให้เชื่อฟังผู้เป็นสามีแต่ฝ่ายเดียว อาจเป็นด้วยเหตุก็ได้ที่ทำให้หญิงไทยชาวอีสานเป็นช้างเท้าหลังตลอดมา แต่ในภาวะทุกวันนี้ทัศนะให้เรื่องเหล่านี้เริ่มเสื่อมลงไปตามภาวะเศรษฐกิจและบ้านเมืองที่เจริญมากขึ้นสิทธิสตรีก็เสมอกับชายทุกประการ แต่ถึงกระนั้นก็ตามหญิงก็คือหญิง สุภาษิตอีสานจะสอนให้ผัวเมียได้รู้จักปรับตัวเองให้เข้ากับสถานภาพของตน คือเมื่อเป็นสามีภรรยากันจะต้องรู้จักให้เกียรติกัน เคารพญาติทั้งสองฝ่าย ให้มีความขยันมั่นเพียรในการทำมาหากิน ให้รักเดียวใจเดียวชื่อสัตย์ต่อกัน ดังคำกลอนสุภาษิตโบราณอีสานสอนในเรื่องหน้าที่ของภรรยาไว้ ๕ ประการว่า
๑) กิจการบ้านให้ทางเมียเป็นใหญ่ให้เมียเป็นแม่บ้านการสร้างซ่อยผัว
๒) ให้มีจาจาเว้าแถลงนัวเว้าม่วนอย่าได้ซึมซากฮ่ายคำเข้มเสียดสี
๓)ให้เมียเคารพชาติเชื้อสกุลฝ่ายทางผัวอันว่าญาติกาวงศ์วานทางฝ่ายผัวให้ค่อยยำเกรงย้าน
๔) ให้ฮู้จักทำการเกื้อบริวารเว้าม้วนสงเคราะห์ญาติพี่น้องเสมอก้ำเกิ่งกัน
๕) สินสมสร้างศฤงคารทรัพย์สิ่งผัวมอบให้เมียฮู้ฮ่อมสงวน
แม่ศรีเรือนตามที่ปรากฏในคำสอนชาวอีสานนั้นยังมีอีกนัยหนึ่งคือการใช้จ่ายทรัพย์ที่สามีหามาได้นั้นจะต้องคิดถึงความคุ่มค่าของสิ่งที่จะชื่อให้เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวมากที่สุด ดังคำสอนที่ว่า
ควรที่จับจ่ายซื่อของจำเป็นสมค่าอย่าได้จับจ่ายใช้หลายล้นสิ่งบ่ควร
คันแม่นทำถึกต้องคองผัวเมียโบราณแต่งจักลุลาภได้ชยะโชคเจริญศรี
สถาพรพูนผลซู่อันโฮมเฮ้าจักงอกงามเงยขึ้นอุดมผลสูงส่งเงินคำไหลหลั่งเข้า
เจริญขึ้นมั่งมีบริบูรณ์ศรีสุขทุกข์บ่เวินมาใก้ล
นอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำสำหรับผู้เป็นศรีภรรยาที่พึ่งยึดถือปฏิบัติตนในการครองเรือน การจะครองเรือนให้มีความผาสุขได้นั้นจะต้องมีทั้งจรรยามารยาทอันดีงามต่างๆเข้ามาประกอบด้วยคือประกอบพร้อมทั้งทางกาย วาจา และน้ำใจของภรรยา ซึ่งจะพบมากในคำกลอนโบราณของอีสานที่มักจะสั่งสอนลูกสาวของตนที่จะแยกครอบครัวออกไปจากพ่อแม่ ซึ่งชาวอีสานเรียกว่าข้อวัตรปฏิบัติสำหรับผู้เป็นภรรยา ดังคำสอนนี้ คือ
แนวแม่หญิงนี้บ่มีผัวซ้อนนอนนำก็บ่อุ่นแม่หญิงซิตั้งอยู่ได้เป็นใหญ่ใสสกุลก็เพราะคุณของผัวคว่ามาแปลงสร้างแม่หญิงนี้ซิมีคนย้านนบนอบยำเกรงก็เพราะบุญของผัว แม่หญิงซิมีคนล้อมบริวารแหนแห่ ก็ย้อนผัวแท้ๆอย่าจาอ้างว่าโต ผัวหากโมโหฮ้ายใจไวเคียดง่าย ให้นางเอาดีเข้าใจเว้าอย่างแข็ง อย่าได้แปลงความส้มขมในให้ผัวขื่น ให้เอาดีขื่นไว้ใจเจ้าให้อ่อนหวาน อุปมาเปรียบได้ดั่งอ้อมันหากอ่อนตามลม ธรรมดาว่าอ้อลมมาบ่ห่อนโค่น เพราะว่ามันบ่ตั้งขันสู่ต่อลม คือดังสมเสลานัอยสอยวอยงามยิ่ง ก่อผัวซิฮักกล่อมกลิ้งแฝงผั้นบ่มาย เพราะนางเป็นคนดีได้ใจบุญสอนง่าย บ่เป็นคนบาปฮ้ายใจบ้าด่าผัว มีแต่ทำโตน้อมถนอมผัวโอนอ่อน บ่แสนงอนดีดดิ้นศีลห้าหมั่นถนอม หาแต่แนวมาล้อมศีลธรรมคำขอบ เว้านอบน้อมต่อผัวนั้นซู่วัน
อันนี้ชื่อว่าเป็นหญิงมั่นในคองพุทธบาท เทวดากะซิย่องผิวเนื้อผ่องใสหัวใจเจ้าเป็นหญิงสมชื่อ ถือคุณผัวขึ้นไว้เพียงแก้วหน่วยตา ธรรมดาคนนี้อับจนก็ตามซ่าง ให้ถือคุณผัวขึ้นไว้เมื่อหน้าหากซิมีเจ้าเอย อันหนึ่งในนาถน้อยตื่นก่อนผัวตน ให้ปรนนิบัติผัวบ่อนนอนหมอนมุ้งยามยุงบินเข้าสมเสลาให้เจ้าไล่ คันเดิกซอกไซ้ให้นอนใกล้หม่อผัว เจ้าอย่าได้กลังเกรงย้านผ้าห่มคลุมหัว ให้ผัวนางนอนอยู่สบายหายฮ้อน นางจงนอนลงถ้อนดอมผัวกลั้วกลิ่น ให้ผินหน้ามาบีบคั้นขาเส้นนวดเอ็นเจ้าเป็นผู้ฮู้ดูหล่ำดอมผัว ให้เข้าครัวหาอาหารข้าวปลาวางตั้ง กับทั้งขั้นน้ำพร้อมวางตั้งจั่งคือผ้าเซ็ดมือพร้อมบรบานทุกสิ่ง อันว่ากินข้าวนั้นอย่าได้เฮ็ดมูมมาม นิ้วมืองามของเจ้าอย่าฟั่งงมกินต่อน บ่วงและซ้อนตักแล้วค่อยกิน ยามเมื่อกินข้าวให้ผัวลงมือกินก่อน ยามซินอนให้ไหว้ผัวแล้วจึงนอน ปรนนิบัติได้จั่งซี้ซิลุลาภได้เงินแก้วมั่งมูล คันว่าผัวหากเดินดั้นมาแต่ทางไกล ขอให้นางฮีบฮับต้อนเตรียมท่าผ่อผัว อย่าได้ทำคือบ้าผัวมาบ่อยากเบิ่ง ผัวมาฮอดบ้านอย่าเฮ็ดบึ้งตึงสีหน้าบ่บาน ผัวซิพาลหาเรื่องคำแข็งโกรธด่า ห่าว่าเป็นแม่ฮ้างปานเสียแก้วมืดมัว ตนตัวน้องซิเสียศรีหมองหม่น เพราะคนซิเว้าชาวบ้านกล่าวขวัญ ขอให้นวลนางน้องตรองดูให้มันถี่ ให้นางยินดีดอมเผ่าผู้ผัวแก้วแห่งตน ให้นางนำไปเลี้ยงสนองคุณปู่ย่า ให้ระวังปากอย่ากล้าใจพร้อมพร่ำกาย อย่าได้เป็นหญิงฮ้ายเกเรหลงเพศ ปากกล่าวต้านสูงพ้นลื่นคน มันซิผิดหูเฒ่าสองคนปู่ย่าทั้งมวลพี่น้องลุงป้าฝ่ายผัว ขอให้นางฮักยิ่งล่ำผัวแก้วแห่งตน ผัวหากขวนขวายเลี้ยงแลงงายซู่ค่ำนางเอย คำปากหวานจ้อยๆนำผัวแก้วซู้วัน ขอให้พันธนังติดอย่าหน่ายซังแหนงเว้น อันหนึ่งขึ้นขั้นไดอย่าเอาตีนทึบ อย่าได้สืบความเพิ่นมาจาตาบ่เห็นอย่าได้เว้าว่าแน่ ขอให้เจ้าเว้าแต่ในทางที่ดี เขาบ่มีความผิดอย่าได้ป้อยด่า อย่าอวดอ้างตีนถีบตีนทำ ในคำสอนห้ามไว้หลายวาท อย่าได้กวาดเฮือนเย้ายามกลางค่ำกลางคืน อย่าเอาฟืนจี่หัวก้อนเส้า อย่ากินข้าวเขาะเช้าเขาะแลงอย่ากินแกงผักที่ติดก้นขี้หม้อ ไม้ค่อล่ออย่าได้เอามาหนุ่น อย่ากินปูนเขาะก้นขี้เถ้าอย่าได้คัวเอาเสื้อเช็ดปาก อย่าตากผ้าไว้เทิงหลังคา ยามซินอนให้ภาวนายกมือไหว้พระ อย่าได้เลอะละเอาอาหารเก่ามาให้ผัวกิน อย่ายินดีนอนสูงกว่าผัวของเจ้า เก็บของเข้าเหมิดแล้วจั่งนอน เถิงตอนยามเช้าให้เตรียมขันน้ำขันท่าทั้งผ้าเช็ดหน้าเตรียมไว้อย่าให้ถามเป็นหญิงนี้ยามเมื่อห่วนๆก้องกลองตีใกล้ซิฮุ่ง ให้ฮีบลุกนึ่งข้าวเอาไว้ใส่จั่งหัน ลุกมาหาไต้คีไฟให้ค่อยย่อง มีเงินทองให้ทำบุญสร้างศิลทานเช้าค่ำ บุญซิซ่วยนำให้ลุลาภได้สุขถ้วนซุ่ยาม ธรรมดาคนนี้ควรไปมาหาสู่ ถามข่าวมวลพี่น้องวงศ์เชื้อชาติตนยามขัดสนหรือไข้เจ็บเป็นเอ็นอุ่น เจือจุนญาติพี่น้องหายฮ้อนเพิ่งเย็น ฯ
นี้คือคุณสมบัติของสตรีชาวอีสานที่ปฏิบัติต่อสามีและบุคคลๆ ตลอดถึงมีความขยันและเอาใจใส่ในพระพุทธศาสนา และให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลและธรรมพร้อมทั้งเป็นผู้มีจิตใจอันเป็นบุญเป็นกุศล นี้คือกุลสตรีตามทรรศนะของคำสอนอีสาน จะพบว่าเป็นยอดหญิงอย่างแท้จริง ถ้าทำได้อย่างนี้
bandonradio